วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การจัดตั้งการสุขาภิบาลท่าฉลอม
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงดำเนินการปฏิรูประเบียบวิธีบริหารราชการแผ่นดิน พระองค์ได้ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะกระจายอำนาจแก่ท้องถิ่นขึ้นและจัดให้มีข้อบัญญัติเกี่ยวกับพระบรมราชานุภาพของพระมหากษัตริย์ของประเทศเช่นที่อารยประเทศได้ถือปฏิบัติและทรงมีพระราชดำริที่จะให้ประชาชนพลเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ และทรงมอบหมายให้ไปศึกษาดูงาน การปกครองในแถบประเทศพม่า มลายู และแถบยุโรปเพื่อช่วยกันทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญลุล่วงตามทัศนคติใหม่ของระบอบการปกครองในประเทศตะวันตก
 ในระยะแรกพระองค์ได้ทรงโปรดเกล้าฯ อนุญาตให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยนแปลง ให้ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน และกำนันเป็นผู้ได้รับเลือกมาจากประชาชนในท้องถิ่นจากที่เมื่อก่อนรัฐบาลจะเป็นผู้จัดตั้ง (สมุทรสาคร,  ๒๕๕๕, ออนไลน์)
ครั้นเมื่อกระทรวงมหาดไทยนำพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. ๑๑๖ หรือที่เรียกว่า พระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ. ๑๑๖ ออกใช้ ใน พ.ร.บ. ฉบับนี้ก็ได้มีบทบัญญัติกล่าวถึงการนครภิบาลไว้ด้วยใน ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๒)ด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเริ่มให้มีการจัดการบำรุงท้องถิ่นแบบสุขาภิบาลขึ้นในกรุงเทพฯขึ้น โดยถือได้ว่าสิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อระบอบการปกครอง สืบเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีโอกาสไปดูกิจการต่างๆ ในทวีปยุโรป แต่อย่างไรก็ตามความเจริญของประเทศและลักษณะปกครองของประเทศไทยก็ยังล้าหลังกว่าในประเทศตะวันตกมาก
สมเด็จฯ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในราชการและเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายสำหรับหัวเมืองในส่วนของภูมิภาค ก็ได้ทรงดำริที่จะดำเนินการตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตลอดมา การสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ได้เริ่มงานมาหลายปีแต่การจัดตั้งการสุขาภิบาลหัวเมืองยังไม่สามารถจะทำได้ เพราะเสด็จในกรมทรงเห็นว่าประชาชน ยังไม่พร้อมที่จะรับการปกครองระบอบใหม่ พระองค์ทรงต้องการที่จะให้ประชาชนมีความเข้าใจและเห็นคุณประโยชน์ของการสุขาภิบาลนี้ก่อน จนกระทั่งถึง ร.ศ. ๑๒๔ (พ.ศ. ๒๔๔๘) สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงได้ทรงเริ่มงานจัดตั้งสุขาภิบาลหัวเมืองขึ้นเป็นครั้งแรก โดยทรงเลือกเอาวิธีการสุขาภิบาลมาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการปรับปรุงท้องถิ่นในตำบลท่าฉลอม ซึ่งในตอนนั้นตำบลท่าฉลอมอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม สกปรก รกรุงรังเป็นอย่างมาก จนไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงได้มีหนังสือตราพระราชสีห์น้อย ที่ ๒๐/๓๙๙๐ ลงวันที่ ๒ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๔ ถึงพระยาพิไชยสุนทรผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสาคร มีความตอนหนึ่งว่า
ด้วยเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกที่ประชุมเสนาบดี มีรับสั่งเล่าถึงที่ได้ไปประพาสเมืองนครเขื่อนขันธ์เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัยที่ได้ทอดพระเนตรเห็นถนน และตลาดเมืองนครเขื่อนขันธ์โสโครกมาก รับสั่งว่า สกปรกเหมือนตลาดท่าจีน ฉันนั่งอยู่ที่ประชุมรู้สึกละอายใจมาก ที่เมืองนครเขื่อนขันธ์จะสกปรกหรือสะอาดก็ไม่ใช่ธุระของเรา แต่ความสกปรกของตลาดท่าจีนซึ่งสกปรกจริงสำหรับเป็นที่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบที่อื่นที่ไม่พอพระราชหฤทัยเช่นนี้ ก็เสมอกริ้วตลาดท่าจีนด้วยเหมือนกัน การเป็นเช่นนี้จึงรู้สึกร้อนใจมาก เห็นว่าถ้าไม่คิดอ่านปัดกวาดจัดถนนในตลาดท่าจีนให้หายโสโครกแล้วจะเสียชื่อตั้งแต่ฉันตลอดจนผู้ว่าราชการเมืองและกำนันผู้ใหญ่บ้านในตลาดท่าจีน ซึ่งเป็นคนดี ๆที่ฉันรู้จักอยู่แทบทุกคน ถ้าตลาดท่าจีนยังสกปรกอยู่อย่างนี้ แม้ปีนี้เสด็จอีกก็เห็นจะไม่เสด็จตลาดและจะให้กำนันผู้ใหญ่บ้านในที่นั้นเฝ้าก็เห็นไม่ได้  ฉันมีความร้อนใจอย่างนี้ จึงได้มีตราฉบับนี้มายังพระยาพิไชยสุนทร เมื่อได้รับตราฉบับนี้แล้วขอให้เรียกกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ตลาดท่าจีนมาประชุมอ่านตราฉบับนี้ให้ฟังและปรึกษากันดูว่าจะควรทำอย่างไร อย่าให้พระเจ้าอยู่หัวทรงติเตียนได้” (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาครม.ป.ปหน้า ๗๘)
เมื่อได้รับหนังสือตราพระราชสีห์น้อยฉบับนี้ พระยาพิไชยสุนทรได้เรียกประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลท่าฉลอมทั้งหมด เพื่อให้ทราบข้อบกพร่องและช่วยกันคิดอ่านแก้ไขในการที่ถูกติเตียนเช่นนี้ และควรจะทำอย่างไรไม่ให้พระเจ้าอยู่หัวทรงติเตียนได้อีกทั่งทรงตรัสว่า สำเร็จเมื่อใดจะออกไปดู  ในที่สุดผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสาครทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านได้ชักชวนให้ประชาชนและพ่อค้าในตำบลท่าฉลอมร่วมมือช่วยกันสละเงินได้แก่การเรี่ยไร เพื่อนำมาปรับปรุงตลาดท่าจีนให้สะอาด ได้เงินเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๕,๔๗๒ บาท โดยได้นำเงินจำนวนที่ได้มาทำเป็นถนนปูอิฐขนาด กว้าง ๒ วา     ได้ยาวถึง ๑๑ เส้น ๑๔ วา อีกทั้งจ้างคนปัดกวาด เทขยะมูลฝอย จนตลาดท่าจีนสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นมาก ผิดจากแต่ก่อนที่มีความสกปรก และรกรุงรัง ความสามัคคีและความเสียสละ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาวบ้านท่าฉลอมในครั้งนั้นจึงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
พระราชโองการ ให้จัดตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอมได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ร.ศ. ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๘) นับได้ว่าสุขาภิบาลท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศ
ส่วนการบริหารสุขาภิบาลท่าฉลอมชุดแรกนั้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกที่แต่งตั้งอีกรวม ๘ คน คือ
    ๑. หลวงพัฒนาการภักดี กำนันตำบลท่าฉลอม
    ๒. ขุนพิจารณ์นรกิจ (แดง มณีรัตน์) ผู้ใหญ่บ้านหัวบ้าน
    ๓. ขุนพินิจนรการ (ยี มีอำพล) ผู้ใหญ่บ้านท้ายบ้าน
    ๔. จีนฟัก
    ๕. จันศุข
    ๖. จีนเน่า
    ๗. จีนอู๊ด
    ๘. จีนโป๊ ผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อทรงมีพระราชโองการประกาศจัดตั้งสุขาภิบาลท่าฉลองและทรงประกอบพิธีตัดสายแพรเปิดถนนถวายแล้วจึงเสด็จประทับเรือพระที่นั่งมาฟังมหาชัยเสวยพระกระยาหารกลางวันที่พลับพลา หน้าป้อมวิเชียรโชฎก ซึ่งต่อมาเป็นที่ทำการเทศบาล หลังจากนั้นจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ โดยรถไฟจากสถานีมหาชัยสู่สถานีคลองสาน ประทับเรือพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวังและจากเหตุการณ์สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทรงเปิดถนนถวายซึ่งลาดร่วมใจสร้างให้บ้านเมือง และโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอม อันเป็นสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกของประเทศ ปฐมบทแห่งการปกครองท้องถิ่น รากฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๓ คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ ๑๘ มีนาคมเป็นวันท้องถิ่นไทยนับแต่นั้นมาทุกวันที่ ๑๘ มีนาคมของทุกปีทุกจังหวัดได้ร่วมถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาครม.ป.ปหน้า ๘๐

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ท่าฉลอมมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นจุดกำเนิด ของเมืองสมุทรสาครซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่เมื่อ ชาวจีนได้มาค้าขายและอพยพมาอยู่ที่บ้านท่าจีน (ท่าฉลอม)                และมีพัฒนาการความเป็นเมืองสำคัญขึ้นโดยลำดับจากการ เป็นเมืองสาครบุรีในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ แห่งกรุงศรีอยุธยาและเปลี่ยนมาเป็นเมืองสมุทรสาคร” ใน สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๕ ทรงปฏิรูปการปกครองเป็นรูปแบบมณฑลเทศาภิบาล ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัด ตั้งสุขาภิบาลหัวเมืองแห่งแรกของประเทศไทยขึ้นที่ตำบล ท่าฉลอมขึ้น ในครั้งนั้น ขาราชการ พ่อค้า ประชาราษฎร์ชาว               ทาฉลอมไดรวมใจกัน สรางถนนทูลเกลาฯ ถวายแดพระองค อนึ่งการที่ชาวตำบลท่าฉลอมได้สละที่ดินในเนื้อที่บ้านของตนบางส่วนอุทิศให้ทำเป็นถนนโดยเป็นถนนแบบปูอิฐแผ่นที่มีความยาวอย่างสวยงามนั้นความทราบถึงพระกรรณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ซึ่งพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดถนน และได้ทรงพระราชทานนามให้ว่า ถนนถวายกระทรวงมหาดไทยได้ส่งเจ้ากรมมหาดไทยฝ่ายพลำภังไปประชุมปรึกษาหารือกับผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสาครกำนันผู้ใหญ่บ้าน พ่อค้าและราษฎรในบ้านตลาดท่าฉลอมในการจัดตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอมและขอความคิดเห็นในการปรับปรุงภาษีโรงร้าน และการใช้จ่ายเงินเพื่อการสุขาภิบาลปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชนในท้องที่เป็นอย่างดีเพราะปรากฏว่าการเก็บภาษีโรงร้านในตลาดท่าฉลอมได้เก็บตลอดทุกบ้านเรือนทั้งที่ทำการค้าขายและไม่ได้ค้าขายได้ค้าขาย
ท่าฉลอมเป็นที่เลืองลือมากในการที่ชาวบ้านได้เสียสละทรัพย์ของตนเองเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ ท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทยและพระบาทเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ได้มีรับสั่งให้ท่าฉลอมเป็นต้นแบบของการจัดตั้งสุขาภิบาล เป็นการแสดงให้เห็นถึงการมีประชาธิปไตยจากที่ได้มีการกระจายอำนาจแก่ท้องถิ่นขึ้น ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศเพื่อช่วย กันทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญ

   
   ภาพที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ               
 พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ และพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ 
เสด็จพระราชดำเนิน ณ วัดสุทธิวาตวราราม
(ที่มา : เทศบาลนครสมุทรสาคร๒๕๕๒หน้า ๕๔ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ปฐมบทสุขาภิบาลท่าฉลอม ภาพที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตัดแพรเปิดถนนถวาย (ที่มา : เทศบาลนครสมุทรสาคร ,  ๒๕๕...