ภาพที่ ๖ แผนที่บ้านท่าจีนสมัยอยุธยา
(ที่มา : เทศบาลนครสมุทรสาคร, ๒๕๕๒, หน้า ๖๘)
การกำเนิดของเมืองสาครบุรี หรือจังหวัดสมุทรสาครในปัจจุบันนี้ปรากฏในพงศาวดารไทยรบพม่า พระราชนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเล่าไว้ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ดังนี้
"......เพื่อจะให้สะดวกแก่การเรียกหาผู้คนเวลาเกิดศึกสงคราม จึงให้ตั้งเมืองขึ้นใหม่อีก ๓ เมืองคือ บ้านท่าจีนตั้งเป็นเมืองสาครบุรี บ้านตลาดขวัญเป็นเมืองนนทบุรี และให้แบ่งเอาแขวงเมืองราชบุรี แขวงเมืองสุพรรณบุรีตั้งเป็นเมืองนครไชยศรี"
ประวัติศาสตร์สากล ของหลวงวิจิตรวาทาการ เล่ม ๓ กล่าวถึงการยกบ้านท่าจีนขึ้นเป็นเมืองสาครบุรีในแผ่นดินสมเด็จ พระมหาจักรพรรดิหลังจากสงครามกับเขมร (พ.ศ. ๒๐๙๙) ว่า
"....นอกจากการก่อสร้างมาแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิอย่างได้ตรวจบัญชีสำมะโนครัวราษฎรได้จำนวนชายฉะกันในมณฑลราชฑาถึงแสนเศษ แล้วจัดระเบียบการเรียกระดมพลให้สะดวกขึ้นกว่าแก่ก่อน ในการนี้ ให้ตั้งเมืองฉันเมืองชั้นในเพิ่มขึ้นหลายเมืองคือ ตั้งบ้านท่าจีนขึ้นเป็นเมืองสาครบุรีหนึ่ง......."
ในขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาได้กล่าวถึงตอนตั้งเมืองสาครบุรีไว้ว่า " ให้เอาบ้านท่าจีนตั้งเป็นเมืองสาครบุรี ให้เอาบ้านตลาดขวัญตั้งเป็นเมืองนนทบุรีได้แบ่งเอาแขวงเมืองราชบุรี แขวงเมืองสุพรรณบุรีตั้งเป็นนครชัยศรี...."
ความตรงกันว่า จังหวัดสมุทรสาครหรือสาครบุรี ได้ยกขึ้นเป็นเมืองและปรากฏอยู่ในพงศาวดารของชาติไทยตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เป็นต้นมา (สมุทรสาคร, ๒๕๕๐, หน้า๑๙)
ในสมัยพระนารายณ์มหาราช มีการบันทึกถึงเมืองท่าจีน ในจดหมายเหตุของมองซีเออร์ เซเบเรต์ เอกอัคราชทูตฝรั่งเศสจากอยุธยาไปเมืองมะริดเมื่อวันที่ ๑๗ ถึง ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๒๓๐ เป็นบันทึกที่ลงวันเดือนปีอย่างละเอียดดีมาก เอกอัครราชทูตท่านนี้มาเจริญพระราชไมตรีกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๓๐ - ๒๒๓๑ โดยเข้ามากลับลาลูแบร์ แต่มองซิเออร์ไปก่อนโดยลงเรือจากอยุธยามาบางกอก คลองด่าน ผ่านท่าจีนไปแม่กลองและเพชรบุรีจากนั้นเดินทางบอกผ่านปราณบุรี กุยบุรี เมืองแคลง ถึงตะนาวศรีโดยศาลเรือกำปั่นกับฝรั่งเศส
เมืองท่าจีนเป็นเมืองใหญ่ไกลจากบางกอกหนทางประมาณ ๘ ไมล์ และเป็นเมืองที่ขึ้นกับเมืองราชบุรีตั้งอยู่ริมลำน้ำซึ่งเป็นแม่น้ำที่งามน่าดูมา แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำลึกเรือขนาดมีระวางเพียง ๑๐๐ ตัน ขึ้นล่องได้สะดวกเวลาที่ข้าพเจ้าได้ไปถึงท่าจีนนั้น ก็มีเรือสำเภาจีนขนาด ๑๐๐ ตัน และเรือแขกมาลายูจอดอยู่ในแม่น้ำหลายลำ (สมุทรสาคร, ๒๕๕๐, หน้า๒๑)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น